ภาษา (เพี้ยนเป็น = ประสา) มีการปะปน และปรับใช้ แล้วก็ปรับปรุงให้เหมาะแก่ลิ้นของหมู่ชนที่ใช้พูดจากัน เรียกว่าต้องพูดกันให้รู้ประสา ถ้ารู้ประสาก็แสดงว่าเข้าใจกัน
ยกตัวอย่าง
ภาษาใต้-ถิ่นภูเก็ต ภาษาใต้มาตรฐาน ภาษาไทยกลาง
ตาหล้ายแล ลองแล ลองดู
ปัญหาคือ ตาหล้าย มาจากไหน
ศึกษาพบว่าชาวภูเก็ตในอดีตส่วนใหญ่ คือพวกเปอรานากัน (ลูกผสม)ที่อพยพมาจากเกาะปีนัง
เปอรานากันดังกล่าว เกิดจากชาวจีนฮกเกี้ยนโพ้นทะเลที่มาตั้งหลักฐานในมาเลเซียใกล้ปักษ์ใต้บ้านเรา แต่งงานกับหญิงมาเลย์พื้นเมือง ทำให้คนรุ่นใหม่ต่อ ๆ มา ใช้ภาษามาเลย์ปนฮกเกี้ยนและอังกฤษ เพราะคนเหล่านี้ทำงานกับอังกฤษ และเป็นคนในบังคับของอังกฤษ ก่อนมาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษ จนกลายเป็นภาษาย่อยอีกภาษาหนึ่ง ในมาเลเซียเรียก Bahasa Melayu Baba (ภาษามะลายูบ้าบ๋า) เดิมทีคำว่า Baba แปลว่าลูกชายที่เป็นลูกผสมระหว่างจีนฮกเกี้ยนกับหญิงมาเลย์ ถ้าเป็นลูกสาว เรียกว่า Nyonya (ย่าหยา…ออกเสียงได้หลายอย่าง)
ภาษาเปอรานากัน จึงเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรม ของมาเลเซีย ที่ผู้พูดเป็นลูกผสม เป็นชาวมาเลย์เชื้อสายฮกเกี้ยน ถือตัวว่าเป็นคนจีน ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม (อิสลามเข้ามาในมาเลเซียผ่านทางอินโดนีเซีย ในคริสต์ศตวรรษที่ 10 ก่อนหน้านั้น ทั้งชาวอินโดนีเซียและชาวมาเลเซีย นับถือศาสนาฮินดู และพุทธตามลำดับ)
คำว่า ตาหล้าย มาจากภาษาอังกฤษว่า try แปลว่า ลอง, ทดลอง พวกเปอรานากันจะออกเสียงแบบสำเนียงฮกเกี้ยนว่า ตาหล้าย (ออกเสียงควบกล้ำและเสียง ร ไม่ได้ กลายเป็น ล แล้วแยกพยางค์ด้วยการแทรกสระ อา ที่พยัญชนะต้น) เมื่ออพยพมาตั้งหลักปักฐานที่เมืองภูเก็ต เรียกตัวเองว่าชาวบ้าบ๋า ทำให้ภาษาใต้ที่ใช้พูดกันบนเกาะภูเก็ตมีอิทธิพลของภาษาบ้าบ๋าเปอรานากันเหล่านี้ปนอยู่เป็นจำนวนมาก จนเป็นอัตลักษณ์ของภาษาภูเก็ต
อาหารเปอรานากันที่เรารู้จักกันดีทั่วประเทศไทย คือ หมูสะเต๊ะ
0 comments:
Post a Comment